Tatee story
  • Home
  • แม่และเด็ก
    • ของใช้แม่และเด็ก
    • พัฒนาการเด็ก
    • การเลี้ยงลูก
  • โปรโมชั่น
  • Tatee ออนทัวร์
  • Tatee พากิน
  • Tatee รีวิว
  • ติดต่อเรา
Home » แม่และเด็ก » วิธีเลือก คาร์ซีท ให้เหมาะกับลูกน้อยแต่ละช่วงวัย

วิธีเลือก คาร์ซีท ให้เหมาะกับลูกน้อยแต่ละช่วงวัย

คุณพ่อคุณแม่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกน้อย เมื่อต้องเดินทางบนท้องถนน ซึ่ง คาร์ซีท (Car seat) ก็เป็นอีกหนึ่งของใช้จำเป็นมากๆลำดับต้นๆเลยของการเตรียมของใช้แรกเกิด คาร์ซีทสามารถเริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาลเลยค่ะ ซึ่งคาร์ซีทในยุคปัจจุบันมีการออกแบบและพัฒนาให้ซัพพอร์ตสรีระของลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับคุณแม่ที่กำลังเตรียมซื้อของใช้แรกเกิด มาดูกันค่ะว่า วิธีเลือกคาร์ซีท ให้ลูกน้อยมีอะไรบ้าง

วิธีเลือก คาร์ซีท ให้เหมาะกับลูกน้อย

  1. เลือกคาร์ซีท จากอายุ,น้ำหนัก
  2. ประเภทของ คาร์ซีท ที่เหมาะกับการใช้งาน
  3. เลือกแบบที่ติดตั้งบนรถได้
  4. ระบบเข็มขัดนิรภัย 5 จุด
  5. ป้องกันการกระแทกได้ดี
  6. ระบายอากาศได้ดี
  7. ชิ้นส่วนถอดซักได้
  8. องศาการหมุนของ คาร์ซีท
  9. มีที่บังแดด
  10. คาร์ซีทที่ได้การรับรองมาตรฐาน

1. เลือก คาร์ซีท จากอายุ,น้ำหนัก

คาร์ซีท ถูกออกแบบตามช่วงอายุ และน้ำหนักของเด็ก เนื่องจากเด็กแต่ละช่วงวัยก็มีสรีระและความแข็งแรงของร่างกายที่แตกต่างกัน เพื่อความปลอดภัยจึงออกแบบให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละช่วงวัยมากที่สุดค่ะ สำหรับเด็กเล็กๆอย่างเด็กแรกเกิดที่ตัวเล็กมาก คอยังไม่แข็ง ควรเลือกคาร์ซีทที่ออกแบบให้มีเบาะเสริมเพื่อซัพพอร์ตช่วงศรีษะ คอ และลำตัวของเด็กๆด้วยค่ะ โดยคาร์ซีทของแต่ละแบรนด์จะแบ่งตามช่วงอายุแตกต่างกัน เช่น

คาร์ซีทสำหรับช่วงอายุ 9-12 เดือน, คาร์ซีทสำหรับช่วงอายุ 0-1 ปี, คาร์ซีทสำหรับช่วงอายุ 0-4 ปี, คาร์ซีทสำหรับช่วงอายุ 0-12 ปี หรือเลือกตามน้ำหนักของลูกเช่น คาร์ซีทสำหรับน้ำหนัก 0-18 กิโลกรัม ซึ่งการออกแบบของคาร์ซีทก็จะต่างกันออกไปด้วยค่ะ อย่างคาร์ซีทที่มีช่วงอายุการใช้งานยาว เช่น 0-4 ปี หรือ 0-12 ปี ก็อาจจะมีการออกแบบ เบาะเสริม ที่สามารถถอดออกได้ตามอายุเพื่อซัพพอร์ตร่างกายและสรีระของเด็กๆ ราคาก็แตกต่างกันไปเช่นกันค่ะ

2. ประเภทของ คาร์ซีท ที่เหมาะกับการใช้งาน

หลังจากเลือกตามอายุหรือน้ำหนักตัวแล้ว ถัดมาคุณแม่สามารถเลือกประเภทหรือแบบที่ต้องการต่อได้เลยค่ะ ซึ่งประเภทของคารซีท มี 2 ประเภทด้วยกัน คือ คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด และ คาร์ซีทสำหรับเด็กโต มาดูกันค่ะว่าต่างกันอย่างไรบ้าง

คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด แบ่งเป็น 2 แบบ คือ

  • คาร์ซีทแบบกระเช้า (Newborn Only) เป็นคาร์ซีทที่สามารถยกออกไปนอกตัวรถได้ คุณพ่อคุณแม่สามารถหิ้วได้ หรือบางรุ่นก็สามารถปรับใช้เป็นรถเข็นเด็กได้ด้วยนะคะ คาร์ซีทแบบกระเช้าปลอดภัยกับเด็กแรกเกิดมาก เพราะเป็นแบบหันหน้าเข้าเบาะและมีอายุการใช้งานที่ออกแบบมาเพื่อเด็กแรกเกิด 0-12 เดือน
คาร์ซีท แบบกระเช้า
  • คาร์ซีทแบบ Convertible ใช้ได้หลายช่วงอายุ ช่วงหลังๆมานี้ คาร์ซีทแบบนี้ได้รับความนิยมจากแม่ๆเยอะขึ้นมากค่ะ เพราะสามารถใช้ได้หลายปี ตามการออกแบบตามช่วงอายุ ซึ่งคาร์ซีทแบบConvertible จะยึดกับตัวรถ ไม่สามารถนำออกมาหิ้วได้แบบกระเช้านะคะ แต่จะมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากกว่าเช่นสามารถหมุนได้ 360 องศา ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการอุ้มลูกนั่งคารซีท ก็สามารถหมุนคาร์ซีทมาด้านประตู ช่วยให้ใส่คาร์ซีทได้ง่ายขึ้น หรืออุ้มออกจากตัวรถง่ายขึ้นด้วยค่ะ หรือแม้แต่ตอนป้อนนม ตอนเปลี่ยนแพมเพิส ก็สะดวกยิ่งขึ้นค่ะ
คาร์ซีท แบบ Convertible

คาร์ซีทสำหรับเด็กโต แบ่งเป็น 2 แบบ คือ

  • Combination Seat เหมาะกับลูกน้อย อายุ 4-12 ปี เพราะมีโครงสร้างร่างกายที่แข็งแรงขึ้นแล้วค่ะ สามารถนั่งคาร์ซีทที่มีพนักพิงที่ขนาดใหญ่และสูงขึ้นตามขนาดตัว
คาร์ซีท แบบ Combination Seat
  • Booster Seat (บูสเตอร์ซีท) เหมาะกับลูกน้อย 4 ขวบขึ้นไป หรือมีส่วนสูงตามกำหนด ที่สามารถนั่งชันหลังได้อย่างแข็งแรงแล้ว โดย Booster Seat จะคล้ายกับ Combination Seat ต่างกันตรงที่ไม่มีพนักพิง
คาร์ซีท แบบ Booster Seat

ซึ่ง Combination Seat ในบางรุ่นบางแบรนด์ก็มีการออกแบบให้สามารถถอดพนักพิงได้ สามารถใช้งานแบบ Booster Seat และมีฟังก์ชั่นเพิ่มเติมเช่น มีที่วางแก้วน้ำ มีตัวล็อคสายเข็มขัดนิรภัยจากตัวรถมายังคาร์ซีท เพื่อป้องกันสายนิรภัยรั้งคอลูกน้อยด้วยค่ะ

3. เลือกแบบที่ติดตั้งบนรถได้

รถรุ่นใหม่ๆ จะมีระบบการติดตั้งคาร์ซีทที่เรียกว่า ISOFIX ค่ะ ซึ่งคาร์ซีทเองก็มีการออกแบบตัวล็อคให้รองรับระบบ ISOFIX นี้ด้วยเช่นกัน เป็นการล็อคคาร์ซีทโดยเชื่อมตัวล็อคไปที่เบาะรถยนต์ เป็นระบบที่ล็อคแบบแข็งแกร่ง ลดการติดตั้งคาร์ซีทที่ไม่ถูกต้อง คุณแม่ก็สามารถทำได้เองไม่ยากเลยค่ะ

4. ระบบเข็มขัดนิรภัย 5 จุด

เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้นสำหรับลูกน้อยแล้ว คาร์ซีทที่มีตัวรัดระบบเข็มขัดนิรภัย ควรเป็นแบบล็อค 5 จุด รัดไหล่ทั้ง 2 ข้าง, ช่วงเอว-สะโพกทั้งสองข้าง และช่วงหว่างขา และควรเป็นตัวล็อคที่ค่อนข้างแน่นหนา เด็กๆเปิดเองได้ยากด้วยจะปลอดภัยยิ่งขึ้นค่ะ

5. ป้องกันการกระแทกได้ดี

นอกจากจะป้องกันแรงกระแทกจากด้านหน้า และด้านหลัง แล้ว การกันแรงกระแทกจากด้านข้างก็สำคัญมากๆเลยค่ะ เนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้น เกิดขึ้นจากแรงกระแทกจากด้านข้าง 30% เลยค่ะ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด คุณแม่ควรเลือกคาร์ซีทที่มีกันกระแทกด้านข้างด้วยเช่นกันค่ะ

6. ระบายอากาศได้ดี

ในกรณีที่ต้องเดินทางไกล เด็กๆต้องใช้เวลานั่งอยู่ในคาร์ซีทเป็นเวลานานในท่าเดิม จึงควรเลือกซื้อคาร์ซีท ที่ออกแบบเบาะระบายอากาศได้ดีจะช่วยลดการเกิดเหงื่อได้ค่อนข้างมากเลยค่ะ เพราะหลายๆครั้งจากประสบการณ์ของมิ้วเอง เมื่อต้องเดินทางไกล ลูกมักหลับในคาร์ซีทเป็นเวลานานและมีเหงื่อออกบริเวณหลัง และศรีษะค่อนข้างมากเลย นอกจากนี้หากเป็นเบาะที่มี ผ้านุ่มแบบ Organic ก็จะช่วยลดโอกาสการระคายเคืองผิวได้ด้วยค่ะ

7. ชิ้นส่วนถอดซักได้

แน่นอนว่าหลายครั้งที่ออกเดินทางไปข้างนอก อาจจะมีการเปลี่ยนผ้าอ้อมในรถ หรือกินนม กินอาหารบนคาร์ซีท นมและอาหารอาจจะเลอะบนคาร์ซีทได้ และสิ่งที่มิ้วเจอบ่อยๆคือ แพมเพิสลูกทะลุจนเปียกคาร์ซีทไปหมดเลย การเลือกคาร์ซีท ที่สามารถถอดเบาะ ถอดผ้าหุ้มเบาะมาซักได้เองจะสะดวกมากๆเลยค่ะ แถมยังช่วยประหยัด และลดเวลา การเอาคาร์ซีทไปซักตามร้านด้วยนะคะ

8. องศาการหมุนของ คาร์ซีท

คาร์ซีทหมุนได้ 360 องศา คือคาร์ซีทที่แม่ๆ ควรมีมากๆเลยค่ะ ฟังก์ชั่นนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณพ่อคุณแม่ในการทำภารกิจบนรถ ไม่ว่าจะเป็นการป้อนนม ป้อนข้าวลูกในรถ การเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือแม้แต่การอุ้มลูกใส่คาร์ซ๊ท หรืออุ้มออกจากคาร์ซีทก็สะดวกมากๆเลยนะคะ นอกจากการหมุนได้ 360 องศาแล้ว คาร์ซีท บางรุ่น ก็ออกแบบมาให้สามารถปรับองศาการตั้งหรือเอนนอนได้อีกด้วยนะ นอกจากจะสะดวกกับแม่ๆแล้ว ยังเพิ่มความสบายให้ลูกน้อยด้วยค่ะ

9. มีที่บังแดด

แดดที่ไหน ก็ไม่สู้แดดประเทศไทยที่ร้อนแรง หมดห่วงกับแดดส่องหน้าลูกไปเลยค่ะ ถ้าเลือกคาร์ซีทที่มีที่บังแดด ซึ่งบางรุ่นก็ออกแบบมาให้ที่บังแดดสามารถถอดซัก หรือถอดเก็บได้ด้วยค่ะ ในกรณีที่เดินทางไกล แดดแยงตาลูกน้อย คาร์ซีทมีที่บังแดดจะช่วยได้มากเลยค่ะ

10. คาร์ซีทที่ได้การรับรองมาตรฐาน

การเลือกอุปกรณ์ ของใช้ ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยนั้น มาตรฐานเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญมากๆเลยค่ะ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า คาร์ซีทที่เรากำลังจะซื้อนั้นมีมาตรฐานไหม คุณแม่สามารถดูป้ายการรับรอง ที่มีมาตรฐานดังนี้ค่ะ

  • ECE R129 (i-Size) คือ มาตรฐานความปลอดภัยของการป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง
  • ECE R44 คือ มาตรฐานความปลอดภัยของการป้องกันการกระแทกจากด้านหน้าและด้านหลัง
  • FMVSS คือ มาตรฐานจากประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านการทดสอบ Frontal Sled Test การจำลองการชน

ทั้งหมดนี้คือ 10 วิธีเลือกคาร์ซีทให้เหมาะกับลูกน้อยแต่ละช่วงวัย ที่มิ้วนำมาแชร์ให้กับแม่ๆที่กำลังมองหาคาร์ซีทให้ลูกน้อยอยู่ค่ะ จพได้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจก่อนที่จะเลือกซื้อคาร์ซีทสักอันเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย เพราะตอนนี้ประเทศไทยได้ออก กฎหมายคาร์ซีท 2023 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 17 สิงหาคม 2023 แล้วค่ะ

อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับคาร์ซีท

  • กฎหมายคาร์ซีท 2023 ที่พ่อแม่ควรรู้
  • 4 คาร์ซีทยี่ห้อไหนดี ปี 2023 แรกเกิด-12 ปี

ติดตามความรู้ดีๆ เรื่องแม่ และ เด็ก ได้ที่ www.tateestory.com หรือ ติดตามผ่านช่องทางอื่นๆ ทั้ง Facebook, Youtube และ Instagram ได้ตามที่ด้านล่างนี้เลย

Tatee story
ของใช้แม่และเด็ก, แม่และเด็ก

เรื่องมาใหม่

  • วิธีเลือกสายไฟบ้าน ยี่ห้อไหนดีนะ

    วิธีเลือกสายไฟบ้าน ยี่ห้อไหนดีนะ

  • มี๊มิ้ว รีวิว 5 ครีมอาบน้ำเด็ก & แชมพูเด็ก 2024 สูตรอ่อนโยน

    มี๊มิ้ว รีวิว 5 ครีมอาบน้ำเด็ก & แชมพูเด็ก 2024 สูตรอ่อนโยน

  • มี๊มิ้ว รีวิว 3 โลชั่นเด็ก Cetaphil ผิวเนียนนุ่ม ลดปัญหาผิวแห้ง

    มี๊มิ้ว รีวิว 3 โลชั่นเด็ก Cetaphil ผิวเนียนนุ่ม ลดปัญหาผิวแห้ง

Facebook

Youtube


Home
Tatee Story
โปรโมชั่น
Tatee ออนทัวร์
Tatee พากิน
Tatee รีวิว
ติดต่อเรา

© copyright 2023