คุณพ่อคุณแม่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกน้อย เมื่อต้องเดินทางบนท้องถนน ซึ่ง คาร์ซีท (Car seat) ก็เป็นอีกหนึ่งของใช้จำเป็นมากๆลำดับต้นๆเลยของการเตรียมของใช้แรกเกิด คาร์ซีทสามารถเริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาลเลยค่ะ ซึ่งคาร์ซีทในยุคปัจจุบันมีการออกแบบและพัฒนาให้ซัพพอร์ตสรีระของลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับคุณแม่ที่กำลังเตรียมซื้อของใช้แรกเกิด มาดูกันค่ะว่า วิธีเลือกคาร์ซีท ให้ลูกน้อยมีอะไรบ้าง
วิธีเลือก คาร์ซีท ให้เหมาะกับลูกน้อย
- เลือกคาร์ซีท จากอายุ,น้ำหนัก
- ประเภทของ คาร์ซีท ที่เหมาะกับการใช้งาน
- เลือกแบบที่ติดตั้งบนรถได้
- ระบบเข็มขัดนิรภัย 5 จุด
- ป้องกันการกระแทกได้ดี
- ระบายอากาศได้ดี
- ชิ้นส่วนถอดซักได้
- องศาการหมุนของ คาร์ซีท
- มีที่บังแดด
- คาร์ซีทที่ได้การรับรองมาตรฐาน
1. เลือก คาร์ซีท จากอายุ,น้ำหนัก
คาร์ซีท ถูกออกแบบตามช่วงอายุ และน้ำหนักของเด็ก เนื่องจากเด็กแต่ละช่วงวัยก็มีสรีระและความแข็งแรงของร่างกายที่แตกต่างกัน เพื่อความปลอดภัยจึงออกแบบให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละช่วงวัยมากที่สุดค่ะ สำหรับเด็กเล็กๆอย่างเด็กแรกเกิดที่ตัวเล็กมาก คอยังไม่แข็ง ควรเลือกคาร์ซีทที่ออกแบบให้มีเบาะเสริมเพื่อซัพพอร์ตช่วงศรีษะ คอ และลำตัวของเด็กๆด้วยค่ะ โดยคาร์ซีทของแต่ละแบรนด์จะแบ่งตามช่วงอายุแตกต่างกัน เช่น
คาร์ซีทสำหรับช่วงอายุ 9-12 เดือน, คาร์ซีทสำหรับช่วงอายุ 0-1 ปี, คาร์ซีทสำหรับช่วงอายุ 0-4 ปี, คาร์ซีทสำหรับช่วงอายุ 0-12 ปี หรือเลือกตามน้ำหนักของลูกเช่น คาร์ซีทสำหรับน้ำหนัก 0-18 กิโลกรัม ซึ่งการออกแบบของคาร์ซีทก็จะต่างกันออกไปด้วยค่ะ อย่างคาร์ซีทที่มีช่วงอายุการใช้งานยาว เช่น 0-4 ปี หรือ 0-12 ปี ก็อาจจะมีการออกแบบ เบาะเสริม ที่สามารถถอดออกได้ตามอายุเพื่อซัพพอร์ตร่างกายและสรีระของเด็กๆ ราคาก็แตกต่างกันไปเช่นกันค่ะ
2. ประเภทของ คาร์ซีท ที่เหมาะกับการใช้งาน
หลังจากเลือกตามอายุหรือน้ำหนักตัวแล้ว ถัดมาคุณแม่สามารถเลือกประเภทหรือแบบที่ต้องการต่อได้เลยค่ะ ซึ่งประเภทของคารซีท มี 2 ประเภทด้วยกัน คือ คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด และ คาร์ซีทสำหรับเด็กโต มาดูกันค่ะว่าต่างกันอย่างไรบ้าง
คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
- คาร์ซีทแบบกระเช้า (Newborn Only) เป็นคาร์ซีทที่สามารถยกออกไปนอกตัวรถได้ คุณพ่อคุณแม่สามารถหิ้วได้ หรือบางรุ่นก็สามารถปรับใช้เป็นรถเข็นเด็กได้ด้วยนะคะ คาร์ซีทแบบกระเช้าปลอดภัยกับเด็กแรกเกิดมาก เพราะเป็นแบบหันหน้าเข้าเบาะและมีอายุการใช้งานที่ออกแบบมาเพื่อเด็กแรกเกิด 0-12 เดือน
- คาร์ซีทแบบ Convertible ใช้ได้หลายช่วงอายุ ช่วงหลังๆมานี้ คาร์ซีทแบบนี้ได้รับความนิยมจากแม่ๆเยอะขึ้นมากค่ะ เพราะสามารถใช้ได้หลายปี ตามการออกแบบตามช่วงอายุ ซึ่งคาร์ซีทแบบConvertible จะยึดกับตัวรถ ไม่สามารถนำออกมาหิ้วได้แบบกระเช้านะคะ แต่จะมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากกว่าเช่นสามารถหมุนได้ 360 องศา ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการอุ้มลูกนั่งคารซีท ก็สามารถหมุนคาร์ซีทมาด้านประตู ช่วยให้ใส่คาร์ซีทได้ง่ายขึ้น หรืออุ้มออกจากตัวรถง่ายขึ้นด้วยค่ะ หรือแม้แต่ตอนป้อนนม ตอนเปลี่ยนแพมเพิส ก็สะดวกยิ่งขึ้นค่ะ
คาร์ซีทสำหรับเด็กโต แบ่งเป็น 2 แบบ คือ
- Combination Seat เหมาะกับลูกน้อย อายุ 4-12 ปี เพราะมีโครงสร้างร่างกายที่แข็งแรงขึ้นแล้วค่ะ สามารถนั่งคาร์ซีทที่มีพนักพิงที่ขนาดใหญ่และสูงขึ้นตามขนาดตัว
- Booster Seat (บูสเตอร์ซีท) เหมาะกับลูกน้อย 4 ขวบขึ้นไป หรือมีส่วนสูงตามกำหนด ที่สามารถนั่งชันหลังได้อย่างแข็งแรงแล้ว โดย Booster Seat จะคล้ายกับ Combination Seat ต่างกันตรงที่ไม่มีพนักพิง
ซึ่ง Combination Seat ในบางรุ่นบางแบรนด์ก็มีการออกแบบให้สามารถถอดพนักพิงได้ สามารถใช้งานแบบ Booster Seat และมีฟังก์ชั่นเพิ่มเติมเช่น มีที่วางแก้วน้ำ มีตัวล็อคสายเข็มขัดนิรภัยจากตัวรถมายังคาร์ซีท เพื่อป้องกันสายนิรภัยรั้งคอลูกน้อยด้วยค่ะ
3. เลือกแบบที่ติดตั้งบนรถได้
รถรุ่นใหม่ๆ จะมีระบบการติดตั้งคาร์ซีทที่เรียกว่า ISOFIX ค่ะ ซึ่งคาร์ซีทเองก็มีการออกแบบตัวล็อคให้รองรับระบบ ISOFIX นี้ด้วยเช่นกัน เป็นการล็อคคาร์ซีทโดยเชื่อมตัวล็อคไปที่เบาะรถยนต์ เป็นระบบที่ล็อคแบบแข็งแกร่ง ลดการติดตั้งคาร์ซีทที่ไม่ถูกต้อง คุณแม่ก็สามารถทำได้เองไม่ยากเลยค่ะ
4. ระบบเข็มขัดนิรภัย 5 จุด
เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้นสำหรับลูกน้อยแล้ว คาร์ซีทที่มีตัวรัดระบบเข็มขัดนิรภัย ควรเป็นแบบล็อค 5 จุด รัดไหล่ทั้ง 2 ข้าง, ช่วงเอว-สะโพกทั้งสองข้าง และช่วงหว่างขา และควรเป็นตัวล็อคที่ค่อนข้างแน่นหนา เด็กๆเปิดเองได้ยากด้วยจะปลอดภัยยิ่งขึ้นค่ะ
5. ป้องกันการกระแทกได้ดี
นอกจากจะป้องกันแรงกระแทกจากด้านหน้า และด้านหลัง แล้ว การกันแรงกระแทกจากด้านข้างก็สำคัญมากๆเลยค่ะ เนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้น เกิดขึ้นจากแรงกระแทกจากด้านข้าง 30% เลยค่ะ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด คุณแม่ควรเลือกคาร์ซีทที่มีกันกระแทกด้านข้างด้วยเช่นกันค่ะ
6. ระบายอากาศได้ดี
ในกรณีที่ต้องเดินทางไกล เด็กๆต้องใช้เวลานั่งอยู่ในคาร์ซีทเป็นเวลานานในท่าเดิม จึงควรเลือกซื้อคาร์ซีท ที่ออกแบบเบาะระบายอากาศได้ดีจะช่วยลดการเกิดเหงื่อได้ค่อนข้างมากเลยค่ะ เพราะหลายๆครั้งจากประสบการณ์ของมิ้วเอง เมื่อต้องเดินทางไกล ลูกมักหลับในคาร์ซีทเป็นเวลานานและมีเหงื่อออกบริเวณหลัง และศรีษะค่อนข้างมากเลย นอกจากนี้หากเป็นเบาะที่มี ผ้านุ่มแบบ Organic ก็จะช่วยลดโอกาสการระคายเคืองผิวได้ด้วยค่ะ
7. ชิ้นส่วนถอดซักได้
แน่นอนว่าหลายครั้งที่ออกเดินทางไปข้างนอก อาจจะมีการเปลี่ยนผ้าอ้อมในรถ หรือกินนม กินอาหารบนคาร์ซีท นมและอาหารอาจจะเลอะบนคาร์ซีทได้ และสิ่งที่มิ้วเจอบ่อยๆคือ แพมเพิสลูกทะลุจนเปียกคาร์ซีทไปหมดเลย การเลือกคาร์ซีท ที่สามารถถอดเบาะ ถอดผ้าหุ้มเบาะมาซักได้เองจะสะดวกมากๆเลยค่ะ แถมยังช่วยประหยัด และลดเวลา การเอาคาร์ซีทไปซักตามร้านด้วยนะคะ
8. องศาการหมุนของ คาร์ซีท
คาร์ซีทหมุนได้ 360 องศา คือคาร์ซีทที่แม่ๆ ควรมีมากๆเลยค่ะ ฟังก์ชั่นนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณพ่อคุณแม่ในการทำภารกิจบนรถ ไม่ว่าจะเป็นการป้อนนม ป้อนข้าวลูกในรถ การเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือแม้แต่การอุ้มลูกใส่คาร์ซ๊ท หรืออุ้มออกจากคาร์ซีทก็สะดวกมากๆเลยนะคะ นอกจากการหมุนได้ 360 องศาแล้ว คาร์ซีท บางรุ่น ก็ออกแบบมาให้สามารถปรับองศาการตั้งหรือเอนนอนได้อีกด้วยนะ นอกจากจะสะดวกกับแม่ๆแล้ว ยังเพิ่มความสบายให้ลูกน้อยด้วยค่ะ
9. มีที่บังแดด
แดดที่ไหน ก็ไม่สู้แดดประเทศไทยที่ร้อนแรง หมดห่วงกับแดดส่องหน้าลูกไปเลยค่ะ ถ้าเลือกคาร์ซีทที่มีที่บังแดด ซึ่งบางรุ่นก็ออกแบบมาให้ที่บังแดดสามารถถอดซัก หรือถอดเก็บได้ด้วยค่ะ ในกรณีที่เดินทางไกล แดดแยงตาลูกน้อย คาร์ซีทมีที่บังแดดจะช่วยได้มากเลยค่ะ
10. คาร์ซีทที่ได้การรับรองมาตรฐาน
การเลือกอุปกรณ์ ของใช้ ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยนั้น มาตรฐานเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญมากๆเลยค่ะ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า คาร์ซีทที่เรากำลังจะซื้อนั้นมีมาตรฐานไหม คุณแม่สามารถดูป้ายการรับรอง ที่มีมาตรฐานดังนี้ค่ะ
- ECE R129 (i-Size) คือ มาตรฐานความปลอดภัยของการป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง
- ECE R44 คือ มาตรฐานความปลอดภัยของการป้องกันการกระแทกจากด้านหน้าและด้านหลัง
- FMVSS คือ มาตรฐานจากประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านการทดสอบ Frontal Sled Test การจำลองการชน
ทั้งหมดนี้คือ 10 วิธีเลือกคาร์ซีทให้เหมาะกับลูกน้อยแต่ละช่วงวัย ที่มิ้วนำมาแชร์ให้กับแม่ๆที่กำลังมองหาคาร์ซีทให้ลูกน้อยอยู่ค่ะ จพได้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจก่อนที่จะเลือกซื้อคาร์ซีทสักอันเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย เพราะตอนนี้ประเทศไทยได้ออก กฎหมายคาร์ซีท 2023 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 17 สิงหาคม 2023 แล้วค่ะ
อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับคาร์ซีท
ติดตามความรู้ดีๆ เรื่องแม่ และ เด็ก ได้ที่ www.tateestory.com หรือ ติดตามผ่านช่องทางอื่นๆ ทั้ง Facebook, Youtube และ Instagram ได้ตามที่ด้านล่างนี้เลย