ลูกน้อยก็ต้องโตขึ้นเรื่อยๆ จากแรกคลอด ก็นอนเฉยๆ จากนั้นก็เริ่มพลิกตัว ต่อมาก็คลาน แล้วก็เริ่มหัดเดิน ซึ่งพัฒนาการการเดินจะเริ่มการเกาะยืน เกาะเดิน ตั้งไข่ และก้าวขา ตามลำดับ เด็กแต่ละคนก็มีพัฒนาการการเดินเร็วหรือช้าต่างกัน โดยส่วนใหญ่แล้วเริ่มเกาะยืนราวๆ 9 เดือนค่ะ เริ่มพัฒนาเป็นเดินได้ภายใน 1 ขวบครึ่ง
สำหรับมัทฉะโมจิ เริ่มเกาะยืนตั้งแต่ 9 เดือนและเดินได้ตอน 1 ขวบ 4 เดือนค่ะ ซึ่งช่วงที่เดินยังไม่แข็งนี่แหละค่ะที่ทำให้แม่ๆอย่างเราต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะเมื่อเค้าเริ่มเดินได้ เค้าจะไม่หยุดเดินแล้ว และไม่อยากให้อุ้มเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละ ที่พ่อแม่อย่างเราต้องเป็นห่วงที่สุด เขาจะเดินไปไหน ชนอะไรไหม จะทำอะไรบ้าง หยิบอะไรเข้าปากรึเปล่า ของใช้ธรรมดารอบตัวเรา กลายเป็นสิ่งอันตรายขึ้นมาทันที
แล้วเราจะเตรียมความพร้อมยังไง สำหรับลูกน้อยในวัยแบบนี้ล่ะ มิ้วมีคำแนะนำดีๆสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเข้าวัยหัดเดิน เตรียมพร้อมรับมือกับลูกน้อยในวัยหัดเดินกันค่ะ
10 วิธีรับมือลูกน้อยในวัยหัดเดิน
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- เก็บบ้านให้สะอาดเรียบร้อย
- เก็บยาให้ไกลมือเด็กๆ
- จัดการบานตู้ เฟอร์นิเจอร์
- ระมัดระวังบันได
- Play room ที่เด็กๆชอบ
- เริ่มหาของเล่นที่ใช้การเดิน
- ใช้รถเข็นหัดเดิน
- เลือกรองเท้าคู่แรกให้ลูก
- สนับเข่าก็จำเป็นนะ
1. พักผ่อนให้เพียงพอ
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ดูแลหรือเลี้ยงลูกเอง ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอนะคะ เพราะเมื่อลูกเดินแล้ว เราต้องคอยเดินตาม คอยเดินประกบทุกฝีก้าว อีกทั้งยังต้องเคลียร์บ้านให้เรียบร้อยก่อนเด็กๆจะตื่นอีกด้วย คุณพ่อคุณแม่ต้องใช้พลังงานเยอะอีกเท่าตัวเลยค่ะ เพื่อไล่จับเจ้าตัวเล็กในวัยหัดเดิน
2. เก็บบ้านให้สะอาดเรียบร้อย
ยิ่งของชิ้นเล็กชิ้นน้อยนี่เผลอไม่ได้เลยค่ะ ขวดแก้ว ของมีคม หรือแม้แต่สิ่งของที่มีเหลี่ยมมุมอันตราย ห้ามวางที่พื้นเด็ดขาด เพราะช่วงวัยที่กำลังหัดเดิน ก็เป็นช่วงวัยเดียวกันกับการชอบเอาสิ่งของเข้าปากของเด็กๆ ดังนั้นของชิ้นเล็กๆ เช่น กระดุม ลูกปัด หนังยาง เศษพลาสติก เศษกระดาษต่างๆ ควรเก็บกวาดให้เรียบร้อย
3. เก็บยาให้ไกลมือเด็กๆ
พวกยาสามัญประจำบ้าน แอลกอฮอล์ หรือสารเคมีต่างๆ เราอาจเคยวางไว้ในที่ๆหยิบง่าย สะดวก ใกล้มือ แต่เมื่อลูกๆเริ่มเดินได้ เค้าจะชอบสำรวจ หยิบจับ รื้อสิ่งของทั่วบ้าน ดังนั้นต้องเก็บของเหล่านี้อย่างมิดชิด ในที่ๆเด็กๆเอื้อมไม่ถึงด้วยนะคะ
4. จัดการบานตู้ เฟอร์นิเจอร์
เดี๋ยวเปิดเดี๋ยวปิด นี่แหละของชอบของเด็กๆเลยนะคะ พวกตู้บานเปิด ประตู ลิ้นชัก หรือแม้กระทั่งตู้เย็น เปิดๆ ปิดๆ ได้ทั้งวัน เพื่อความปลอดภัย สามารถใช้สายล็อคตู้เย็นหรือสายล็อคบานตู้มาปิดไว้ค่ะ อีกทั้งมุมตู้ มุมโต๊ะ มุมเก้าอี้ที่มีความแหลมคม ก็ต้องระวังเป็นพิเศษด้วยการแปะขอบมุมด้วยยาง หรือที่ติดมุมโต๊ะกันกระแทก
ที่ล็อคตู้
ที่ล็อคลิ้นชัก
ขอบยางกันกระแทก
5. ระมัดระวังบันได
บันไดเองก็เป็นที่อันตรายที่เด็กๆชอบไปเล่นกันค่ะ จะให้คอยจับคอยกันเด็กๆ ออกจากบันไดก็คงไม่ไหว ตัวช่วยสำหรับมิ้วก็คือ ที่กั้นบันไดค่ะ ติดปุ๊บก็หายห่วงได้หน่อยนึง อย่างน้อยก็ไม่สามารถปีนบันไดได้เอง เลือกที่กั้นที่แข็งแรง ลูกโหนหรือโยกไม่พังง่ายๆนะคะ ^^
6. Play room ที่เด็กๆชอบ
ลองเคลียร์พื้นที่ในบ้านสักมุมหนึ่งของห้องทำพื้นที่เดินเล่นหรือโซนเล่นให้กว้างๆ เพื่อให้เด็กๆได้ใช้พื้นที่ในการเดินได้อย่างอิสระ เพิ่มเติมมุมหรือชั้นวางของเล่นให้ด้วย แล้วเค้าจะไม่ค่อยเบื่อ อีกทั้งยังปลอดภัยด้วยค่ะ
7. เริ่มหาของเล่นที่ใช้การเดิน
ในการเล่นมากขึ้น จะเป็นการเดินไปหยิบของ จับ วาง เพื่อให้เด็กๆได้ฝึกพัฒนาการเดินผ่านการเล่นได้คล่องขึ้นค่ะ คุณแม่อาจจะลองหาของเล่นง่ายๆ ถ้วย ชาม กะละมัง ไห ที่มีอยู่ในบ้านมาใช้ด้วยได้ค่ะ เช่น เกมเดินตักไข่ใส่กระป๋อง เกมเดินแยกสีของเล่น จับคู่สีแก้วน้ำ หรือเอาของไปซ่อนตามจุดต่างๆแล้วช่วยกันเดินหาของ เป็นต้นค่ะ
8. ใช้รถเข็นหัดเดิน
ในท้องตลาดมีรถเข็นหัดเดินหลากหลายแบบนะคะ ควรเลือกซื้อ รถเข็นหัดเดิน ที่ดูแข็งแรง และมีน้ำหนักด้วยค่ะ เพราะเด็กๆยังเดินไม่แข็ง ดังนั้นต้องค้ำและเทน้ำหนักตัวไปที่รถเข็น ส่วนมิ้วมีรถเข็นเด็กที่สามารถปรับระดับได้ให้เป็นรถเข็นหัดเดินได้ด้วยนะคะ ถือว่าคุ้มค่า อีกทั้งคุณภาพดี และแข็งแรงด้วยค่ะ ที่เหลือก็เป็นหน้าที่คุณพ่อคุณแม่ คอยเดินประกบอีกทีเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยนะคะ
รถเข็นเด็กพับได้ QPlay Pushchair
9. เลือกรองเท้าคู่แรกให้ลูก
สำหรับเด็กๆที่เพิ่งหัดเดินนั้น คุณหมอเคยแนะนำมิ้วว่าอย่าเพิ่งรีบซื้อรองเท้าให้ใส่ค่ะ ให้เด็กๆได้คุ้นชินกับการเดินบนพื้นแบบเท้าเปล่าไปก่อน จนเค้าคล่องตัวระดับหนึ่ง เพราะเด็กบางคนก็กลัวการใส่รองเท้าค่ะแล้วเค้าจะไม่กล้าเดิน แต่หากต้องออกไปข้างนอกบ้าน ก็ซื้อรองเท้าเตรียมไว้ให้เค้าได้เลยค่ะ แต่บอกก่อนเลยว่า เท้าเด็กเปลี่ยนไซส์เร็วมากๆนะคะ แค่ภายในเดือนเดียวก็ใส่ไม่ได้แล้วค่ะ แนะนำให้พาลูกไปลองใส่รองเท้าค่ะ เลือกพื้นรองเท้าที่นุ่ม ไม่กัดเท้าลูก
10. สนับเข่าก็จำเป็นนะ
สำหรับมิ้วแล้วเคยมองว่าสนับเข่าไม่น่ามีประโยชน์เท่าไหร่ เพราะลูกเราก็เดินแข็งระดับหนึ่งแล้ว แถมยังเดินแต่ในบ้านด้วย จนวันหนึ่งพาออกไปเดินนอกบ้าน ให้ลองฝึกใส่รองเท้า ด้วยความไม่ชินกับรองเท้าก็เลยล้มได้แผลที่เข่าเลยนะคะ เพราะฉะนั้นให้เด็กๆลองใส่สนับเข่าเวลาพาไปเดินข้างนอกก็ปลอดภัยกว่าค่ะ
เมื่อเด็กๆเริ่มเดินแล้ว คุณพ่อคุณแม่เตรียมรับมือความสนุกได้เลยค่ะ รับรองว่าสนุกกว่าเดิมแน่นอน คุณพ่อคุณแม่อย่างเราก็ต้องคอยซัพพอร์ตเรื่องพัฒนาการ ความปลอดภัย เพื่อให้ลูกน้อยในวัยหัดเดิน เดินได้อย่างคล่องแคล่ว และค่อยๆแข็งแรงขึ้นเรื่อง มิ้วจึงแนะนำ 10 วิธีรับมือลูกน้อยในวัยหัดเดิน ให้คุณพ่อคุณแม่ได้เตรียมตัวกันค่ะ
ใครมีทริคดีๆ ช่วยเบาแรงแม่ได้บ้าง กระซิบบอกกันบ้างนะคะ … ช่วงนี้ มัทฉะโมจิ เดินทั้วบ้าน รื้อของทุกที่ มิ้วก็วิ่งตามต้อยๆ เหมือนวิ่งมาราธอนเลยค่ะ ^^
ติดตามความรู้ดีๆ เรื่องแม่ และ เด็ก ได้ที่ www.tateestory.com หรือ ติดตามผ่านช่องทางอื่นๆ ทั้ง Facebook, Youtube และ Instagram ได้ตามที่ด้านล่างนี้เลย